เชียงราย นครแห่งดอกไม้งาม 2556

Last updated: 7 ก.พ. 2556  |  8839 จำนวนผู้เข้าชม  | 

เชียงราย นครแห่งดอกไม้งาม 2556


จังหวัดเชียงราย กับการมาเที่ยวเป็นครั้งที่ 2 หาโอกาสมาเที่ยวพักผ่อนคาดว่าอากาศน่าจะยังเย็นสบายอยู่โดยจองตั๋วโปรโมชั่นข้ามปีกับ Air Asia วันที่ 25-27 ม.ค.2556 เรามาเริ่มโปรแกรมฉบับย่อกันก่อนค่ะ  

วันที่ 1
9.10 น. ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองด้วยสายการบิน Air Asia
10.30 น.ถึงสนามบินเชียงราย
11.30 น. ไร่บุญรอด รับประทานอาหารร้านภูภิรมย์
13.00 น. ไหว้พระวัดร่องขุ่น
14.30 น. Check in Rasa Boutique Hotel
15.30 น. ร้านชีวิตธรรมดา
16.30 น. หาดเชียงราย
17.00 น. สวนตุงและโคมเชียงราย
18.00 น. เชียงราย ไนท์บาร์ซ่า
19.00 น. มื้อเย็นที่ร้านภูแล
20.30 น. กลับที่พัก

วันที่สอง
8.00 น. ออกเดินทาง
9.00 น. ร้าน Parabola
10.30 น. ถึงพระตำหนักดอยตุง เดินชมพระตำหนัก, สวนแม่ฟ้าหลวง
12.00 น. สวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวง ดอยช้างมูบ หรือ สวนกุหลาบพันปี
14.00 น. ตลาดแม่สาย
15.30 น. เดินทางกลับเข้าตัวเมืองเชียงราย, อนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งราย, หอนาฬิกาเฉลิมพระเกียรติ
16.20 น. กลับห้องพักผ่อน
18.00 น. ถนนคนเดิน
20.30 น. กลับที่พัก

วันที่สาม
7.00 น. ขับรถไปหอนาฬิกา ทานมื้อเช้าร้านอาหารเพชรบุรี ซื้อของฝากร้านสุจินต์
9.00 น. Check out ออกจากโรงแรม
10.15 น. คืนรถเช่าที่สนามบิน
11.15 น. ออกเดินทางจากสนามบินเชียงราย
12.30 น. ถึงสนามบินดอนเมืองตรงเวลา

ทีนี้เรามาเริ่มทริปละเอียดกันเลยค่ะ

วันที่ 1
7 โมงเช้าตามเวลานัดหมายกับเพื่อนที่สนามบินดอนเมือง เพื่อนรออยู่ที่ร้านนี้ Taurus ฝั่งทิศใต้หรือ เข้าประตูสนามบินแล้วเดินไปขวามือค่ะ รสชาติกาแฟเย็นพอใช้ได้ แก้วละ 95 บาท


แล้วก็เดินขึ้นชั้นสองไปร้านหมี่ฝ้านทานอาหารเช้ากัน สั่งชุดข้าวหน้ากุ้งมีซุปเกี๊ยวและโค้ก 179 บาท รสชาติใช้ได้ ของเพื่อนเป็นชุดข้าวหมูแดง กับซุปเกี๊ยว และชามะนาว 199 บาท รวมสองคนร้านนี้หมดไป 378 บาท


เสร็จแล้วเดินเข้า Gate มีมุมให้ Shopping เดินดูของเพลินๆ


แล้วก็ได้เวลาขึ้นเครื่อง ผ่านไป 1 ชั่วโมง 20 นาที โดยประมาณเราก็มาถึงสนามบินเชียงรายเร็วกว่ากำหนดเวลาเล็กน้อย ตรงดิ่งไปเคาน์เตอร์ AVIS ซึ่งเราได้จองรถไว้ล่วงหน้าจากงานไทยเที่ยวไทย  ออกจากสนามบินมุ่งหน้าผ่านตัวเมืองเชียงราย ขับเลยไปจนถึงแยกวัดร่องขุ่นเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนข้างวัดร่องขุ่นไปอีก 5 กม. จนเจอสามแยกเลี้ยวขวาแล้วไปอีก 2 กม. ไปตามป้ายก็เจอไร่บุญรอด โดยมีสัญลักษณ์สิงห์ตัวใหญ่สีทองอร่ามอยู่บนเนินสนามหญ้าลงไปเก็บภาพ


แล้วก็ขับรถเข้าไปด้านในเพื่อไปทานอาหารที่ร้านภูภิรมย์ บริเวณหน้าร้านมีไร่ชา สระน้ำขนาดใหญ่และดอกไม้ให้ได้เก็บภาพสวยๆ


มีที่นั่งด้านหลังถ้ามาตอนเย็นคงบรรยากาศดีไม่น้อย


มีแต่โต๊ะจองทั้งนั้นไปสั่งอาหารกันเลยเดี๋ยวจะไม่ได้กิน


จานแรกยำทูน่ายอดชาสด 100 บาท รสจัดปานกลางใช้ได้เลย ชุดออเดิร์ฟเมือง 180 บาท น้ำพริกหนุ่มอร่อย รสชาตินี้เลยชอบมาก แนะนำค่ะ


และปลาลวกจิ้ม 140 บาท ปลาสดใช้ได้ น้ำจิ้มพอใช้ได้ค่ะ น้ำเสาวรสเปรี้ยวได้ใจและก็สดชื่นดี ขวดละ 40 บาท


รวมมื้อนี้หมดไป 600 บาท จริงๆเค้ามีรถบริการชมไร่ แต่ด้วยเวลามีจำกัดทานอาหารอิ่มแล้วก็ขับรถออกมาทางเดิมเพื่อไปทำบุญไหว้พระที่วัดร่องขุ่นกันค่ะ



อากาศยามบ่ายแดดจัดจริงๆ ก่อนออกจากวัดแวะสั่งน้ำมะพร้าวปั่นสักแก้วดับกระหายที่ร้านแม่พิมพรหน้าวัด  แล้วออกเดินทางเข้าเมืองเชียงรายอีกครั้ง


ผ่านห้าแยกพ่อขุนไปนิดเดียวชิดซ้ายเข้าไป check in ที่นี่ค่ะ Rasa Boutique Hotel (รสา บูติค โฮเทล) โรงแรมทำเลดีติดถนนพหลโยธิน ระยะโดยรถยนต์จากสนามบินไม่เกิน 15 นาที หรือจะไปเที่ยวตัวเมืองเข้าไปหอนาฬิกาก็ไม่เกิน 10 นาที ขนาดกะทัดรัด 30 ห้อง ตกแต่งได้อย่างสวยงามทุกมุม พนักงานทุกท่านยิ้มแย้มด้วยหัวใจบริการ สดชื่นกับ Welcome Drink หอมหวานน่าหลงไหลชื่อ Rasa Blossom กันก่อน


บังเอิญว่าจองล่วงหน้านานและวันนี้มีผู้เข้าพักเต็ม ทางโรงแรมจึง Upgrade จากห้อง Deluxe เป็นห้อง Junior Suite ให้เลย ประทับใจมากๆค่ะ ไปดูห้องพักกันก่อน ห้องกว้าง มีโซฟาสำหรับนั่งพักผ่อนดูทีวี เปิดประตูด้านข้างเป็นห้องแต่งตัวสองฝั่งและห้องน้ำสองฝั่ง ทั้งห้องใช้สีขาวทำให้รู้สึกสวย สว่าง สะอาด อุปกรณ์ใช้สอยครบค่ะ


มุมสวยๆอีกเพียบเลยใครมาเที่ยวเชียงรายแนะนำเลยค่ะโรงแรมนี้ มีตระกร้าผลไม้มาเสิร์ฟถึงห้องต้อนรับการมาเยือนด้วยค่ะ 



จอง Rasa Boutique Hotel Chiang Rai (โรงแรม รสา บูทีค เชียงราย) กับ Agoda-->> คลิก

เก็บข้าวเก็บของเสร็จแล้วนั่งพักซักหน่อยเราก็ออกไปหาบรรยากาศริมน้ำกกกันดีกว่า ออกจากหน้าโรงแรมเลี้ยวซ้ายข้ามสะพานแม่น้ำกกแล้วเลี้ยวซ้ายซอยแรกที่เชิงสะพานเลยค่ะ ขับไปซัก 200 เมตรก็เลี้ยวซ้ายเข้าซอยไปตามป้ายร้านนี้เลยค่ะ ชีวิตธรรมดา ลักษณะตกแต่งเหมือนบ้านอยู่ริมแม่น้ำกกที่มีบริเวณและสวยงาม



ขณะนี้เวลาบ่ายสามโมงกว่าเลยนั่งเล่นสั่งเครื่องดื่มและขนมเค้กมาชิมกัน เริ่มด้วยเครื่องดื่มชื่อล้างพิษ 85 บาท เป็นน้ำมะนาวผสมสะระแหน่ปั่นเสิร์ฟมาพร้อมน้ำผึ้งเติมเพิ่มความหวานให้กลมกล่อมก็อร่อยดีแฮะ ของเพื่อนเป็นกาแฟเย็นชาเขียว 165 บาท เพื่อนบอกเฉยๆ


เค้กมะพร้าว 80 บาท ฟูนุ่มใช้ได้ ไม่หวานมากชอบค่ะ และช็อคโกแลตเครปเค้ก 110 บาท ก็รสชาติเข้มข้นชุ่มฉ่ำดี


คิดเงินมา 4 อย่าง 440 บาท ราคาเหมือนอยู่ร้านแถวทองหล่อ ค่อนข้างสวนทางกับชื่อร้านพอสมควรนะคะ ดื่มด่ำกับบรรยากาศเสร็จแล้วเราก็ออกจากซอยร้านแล้วเลี้ยวซ้ายไปไม่ไกลเจอไฟแดงแรกแล้วก็เลี้ยวซ้ายจะเจอสะพานข้ามแม่น้ำกกและเจอแยกสถานีตำรวจเมืองเชียงรายแล้วเลี้ยวขวาขับไปเรื่อยเข้าสู่ถนนหน้าค่ายเพื่อไปตามหาหาดเชียงราย ไปตามป้ายเลยค่ะแล้วเราก็เจอหาดเชียงรายคือสวนสาธารณะริมแม่น้ำกกที่มีสันดอนทำให้น้ำตื้นบางจุด เป็นแหล่งพักผ่อนและเล่นน้ำโดยจะมีแผงร้านอาหารมาตั้งในช่วงเวลากลางวัน เราไปถึงห้าโมงเย็นแล้วประมาณว่าตลาดวาย เค้าเก็บร้านกลับบ้านกันหมดแล้ว เลยได้นั่งชมบรรยากาศริมน้ำและเก็บภาพแบบเงียบสงบซักพัก


เย็นแล้วอากาศก็เริ่มเย็นลง แล้วเราก็ขับรถกลับเข้าเมืองไปที่สวนตุงและโคมที่ช่วงนี้มีการจัดแสดงดอกไม้สวยๆไว้ จนถึงปลายเดือน กุมภาพันธ์ หาไม่เจอก็ถามไปเรื่อยค่ะจนเจอ หาไม่ยาก พื้นที่จุดนี้ไม่กว้างแต่เป็นจุดที่น่าสนใจ เทศบาลเค้านำสวนดอกไม้มาไว้กลางเมืองสมกับ Concept ที่ว่า นครเชียงราย นครแห่งดอกไม้งาม จริงๆเลยค่ะ ทั้งทิวลิป ลิลลี่ กล้วยไม้ ถ้าใครมาธุระในเมืองโดยไม่มีเวลาไปดอยตุงก็มาที่นี่ได้ ชมฟรีค่ะ




เดินชมเสร็จแล้วเราก็เดินออกมาด้านหน้าสวนตุงเลี้ยวขวา เดินไปตามถนนมุ่งหน้าไปถนนพหลโยธินเพียงไม่กี่ก้าวจากสวนตุงก็เจอร้านภูแล ด้านขวามือค่ะ ดูจากหน้าร้านก็มีคนมาทานเยอะทีเดียว บรรยากาศร้านเรียบง่าย มีห้องปรับอากาศ สโลแกนคือ ร้านนี้เข้าท่า ผู้ว่ายกนิ้วให้


มาชิมกันเลย ปลาทับทิมภูแล 180  บาท ปลาทับทิมหั่นเป็นชิ้นทอดมาได้ดี ราดด้วยน้ำยำอร่อยถูกใจค่ะ ทานกัน 2 คนสู้ไม่ชนะต้องใส่ห่อกลับไปนั่งทานเล่นตอนดูละครที่ห้องกันเลยทีเดียว หมูทอดภูแล 120 บาท หมูหมักนุ่มเข้าเนื้อ หวานเค็มกลมกล่อม


ผัดผักรวมมิตร 100 บาท รสชาติมาตรฐาน ข้าวเปล่า 1 จาน รสชาติโดยรวมไม่ผิดหวัง


มื้อนี้หมดไป 413 บาทราคาคุ้มค่า ขอคอนเฟิร์มกับท่านผู้ว่าอีกเสียงว่าร้านนี้เข้าท่าจริงๆค่ะ
แล้วเราก็ขับรถไปเดินดูบรรยากาศไนท์บาร์ซ่ากันซักพัก 


แล้วเราก็กลับที่พักไปนอนดูละคร สั่งค็อกเทลมาเสิร์ฟถึงห้องแก้วสีม่วงชื่อ Rasa Bossa 150 บาท รสชาติเดียวกับ welcome drink แต่มีโซดา มะนาวและแอลกอฮอลล์ แก้วสีส้มคือ Cosmopolitan 120 บาท เบาๆเหมาะกับผู้หญิงค่ะ ประทับใจอีกระดับด้วยของแถมเป็นเม็ดมะม่วงหิมพานต์เกลือหอมมัน และข้าวเกรียบกุ้งปริมาณของแถมไม่น้อย  พนักงานก็สุภาพน่ารัก การบริการได้ใจจริงๆค่ะโรงแรมนี้



วันที่สอง
ตื่นเช้าอาบน้ำแต่งตัวแล้วออกเดินทางไปดอยตุง ระหว่างทางมีร้านกาแฟน่านั่งหลายร้านทีเดียว แต่ก็ไปแวะร้านเดิมที่เคยมา เลยแยกแม่ฟ้าหลวงไปหน่อยก็เจอค่ะ ร้าน Parabola มีสัญลักษณ์กล่องสีแดงๆแบบนี้หน้าร้านค่ะ


ตอนเช้าคนยังไม่เยอะ อากาศยังหนาว 13 องศา เครื่องดื่มร้อนน่าจะเหมาะกว่า ชามะนาวร้อน 45 บาท แก้วใหญ่รสชาติดี จิบไปคลายหนาวได้ เพื่อนสั่งกาแฟ พาราโบล่าร้อน 60 บาท เสิร์ฟมาเก๋ไก๋ หัวใจจ๊ะเอ๋ หอมกรุ่น รสชาติถูกใจคอกาแฟ


ชูครีม 50 บาท ลูกใหญ่เท่ากำปั้น แป้งนุ่ม ครีมหอมอร่อย ไม่หวานมาก แนะนำค่ะ บรรยากาศร้านก็น่ารัก


มาร้านนี้เป็นครั้งที่สองก็ยังไม่ผิดหวังนะคะ รสชาติดีและคุ้มค่า 3 อย่างหมดไป 155 บาท มีอะไรรองท้อง มีแรงแล้วเราก็ไปดอยตุงกันเลย เส้นทางดอยตุงใกล้ถึงจะมีทางแยกให้เลือก เราเลือกไปทางสายใหม่เมื่อขับผ่าน กม.12 เราก็จะเจอกับจุดชมวิว กม.12 ก็ลงไปถ่ายรูปสวยๆกัน จุดนี้มองลงไปเห็นเมืองไกลลิบสวยทีเดียวค่ะ 


แล้วเราก็ขับรถต่อไปถึงพระตำหนักดอยตุงซื้อบัตรชมแบบเหมาจ่ายดูได้ 5 ที่ 220 บาท/คน แต่เวลาจำกัดและไม่อยากเหนื่อยเกินไปเราเลือกดู 3 ที่ค่ะ  เริ่มด้วยพระตำหนักดอยตุงที่ประทับของสมเด็จย่า ภายในสวยงามและเรียบง่าย เค้าห้ามถ่ายภาพด้านใน เดี๋ยวนี้ทันสมัยมีหูฟังให้กดตามหมายเลขที่ไปเจอแล้วมีคำอธิบายแบบไม่ต้องพึ่งเจ้าหน้าที่หรือไกด์เลยค่ะ


แล้วเราก็เดินมาชมสวนแม่ฟ้าหลวงกันต่อ นักท่องเที่ยวเยอะทีเดียว สวยงามมากกับดอกไม้หลายสีหลากพันธุ์ ขอใช้คำว่าสวยงามอย่างสุดซึ้งก็ว่าได้






ถ่ายรูป สูดอากาศท่ามกลางดอกไม้งามกันแล้วเราก็ขับรถต่อไปอีก 9 กม. เป็นสวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวง ดอยช้างมูบ หรือสวนกุหลาบพันปี จุดนี้นักท่องเที่ยวขึ้นมากันน้อยเลยค่อนข้างเงียบสงบ แบ่งเป็นจุดชมพันธุ์ไม้ประมาณ 11 จุด



จุดสุดท้ายเป็นกุหลาบพันปี ต้นใหญ่แต่ไม่ค่อยมีดอกให้เห็น มีแต่พันธุ์ต้นเล็กดอกสีขาวและสีชมพูค่ะ


เสร็จแล้วเราก็ลงจากดอยตุงไปแม่สายกันต่อ ระยะทางไม่ไกล ไปถึงเกือบบ่ายสองโมงทานมื้อเที่ยงกันที่ร้านระเบียงแก้วไม่ไกลจากสถานีตำรวจ ข้าวซอยไก่ 30 บาท เสิร์ฟมาร้อนๆรสชาติพอใช้ได้แต่น้ำไม่ข้นเท่าที่ควร ของเพื่อนเป็นก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำ 35 บาท ก็รสชาติพอใช้ได้


อิ่มแล้วก็เดินดูบรรยากาศเพลินตาเพลินใจกับสินค้าที่ตลาดแม่สาย


ได้ของติดไม้ติดมือมาเล็กน้อย แล้วก็เดินทางกลับเข้าตัวเมืองแวะเก็บภาพหอนาฬิกาเฉลิมพระเกียรติ


แล้วขับรถมาแวะกราบขอพรที่อนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งราย


กลับห้องพักรอเวลาเย็นเราก็ออกมาที่สวนตุงอีกครั้งเพราะวันนี้เป็นวันเสาร์มีถนนคนเดินค่ะ




เดินดูของฝาก แบบงานทำมือ แม็กเน็ท สมุดโน้ตทำมือ และบางอย่างก็ราคาถูกกว่าตลาดแม่สายด้วยแฮะ ได้ทั้งของฝากและของกินกลับมานั่งดูละครที่ห้อง


วันที่ 3
ตื่น 7 โมงเช้า อากาศหนาวชอบใจที่ 13 องศาอีกแล้ว ขับรถไปแถวหอนาฬิกา ไปหาข้าวกิน มีอยู่ 3-4 ร้านคิดว่าคุณภาพใกล้เคียงกัน เลือกเข้าร้านอาหารเพชรบุรีเพราะข้าวแกงในตู้น่ากินไปหมด


สั่งข้าวราดแกงมากินคนละจานกับมะระตุ๋น 1 ถ้วย ก็อร่อย สะดวก ประหยัดดีค่ะ มื้อนี้หมดไป 125 บาท เสร็จแล้วเดินไปเก็บภาพหอนาฬิกา ซื้อของฝากร้านสุจินต์ แนะนำน้ำพริกหนุ่มเผ็ดดี,หมูยออร่อยและแหนมซี่โครงเอากลับมาทอดไม่ผิดหวังค่ะ เพื่อนเดินไปซื้อกาแฟร้านยอดดอยตรงหัวมุมหอนาฬิกามาชิมประมาณ 70 บาท รสชาติโอเค



แล้วขับรถกลับห้องไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าลงมาเช็คเอาท์ 9 โมง แล้วออกเดินทางไปสนามบิน เติมน้ำมันรถให้เต็มแล้วส่งรถคืน ไปนั่งรอเครื่องที่ Gate เดินทางออกจากสนามบินตรงเวลา


กลับถึงดอนเมืองตรงเวลา แล้วเราจะกลับมาอีกเมื่อร่างกายต้องการอากาศดีๆและบรรยากาศสวยๆของเชียงราย นครเชียงราย นครแห่งดอกไม้งาม
สรุปค่าใช้จ่ายenlightened
-ตั๋วเครื่องบินโปรโมชั่น รวม ไป-กลับ 2 คน 1,600 บาท (ไม่โหลดกระเป๋า)
-ค่าโรงแรมคืนละ 1,1XX จองผ่าน Agoda แต่ตอนนี้ราคาน่าจะปรับเพิ่มแล้วนะคะ
-ค่าเช่ารถ Vios 2 วัน รวมประกันชั้น 1 และเติมน้ำมัน 1 ถัง ทั้งหมด 2,600 บาท



เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้